สินทรัพย์ดิจิทัลต้องกู้คืนความเชื่อมั่น หนุนกำกับดูแลเพื่อการเติบโตระยะยาว
นายพุฒิกานต์ เอารัตน์ กรรมการผู้จัดการ Chief Digital Asset Officer บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) กล่าวในงานสัมมนาของวารสารการเงินธนาคาร “Thailand Next Move 2023 : The Nation Recharge” หัวข้อ “Crypto Comeback โอกาส Moon มีไหม” ว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดปี 2022 ตลาดทุนต้องเจอกับความกดดันจากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อซึ่งกระทบทั้งเศรษฐกิจระดับโลกและเศรษฐกิจในประเทศไทย ซึ่งสามารถเห็นภาพได้ชัดเจนทั้งจาก Public Sector และ Private Sector ที่มีการลงทุนลดลงอย่างชัดเจน
สังเกตได้จากตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกมีทิศทางหดตัวอย่างชัดเจน ตลาดที่มีขนาดใหญ่จะได้รับผลกระทบมากกว่าตลาดขนาดกลางและขนาดเล็กในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือว่ากระทบกับภาพรวมตลาดทุนพอสมควร
นายพุฒิกานต์อธิบายต่อว่า จากสิ่งที่เกิดขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มขยับเม็ดเงินหนีจากหุ้นที่มีลักษณะเป็น Growth Stock มาเป็น Value Stock มากยิ่งขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน ขณะที่ Global Venture Capital ก็มีการพิจารณาการลงทุนอย่างเข้มงวดมากขึ้น ทั้งในแง่ของการลงทุนและการทำข้อตกลงทางธุรกิจ อีกทั้งในปี 2023 อาจต้องเจอกับสถานการณ์เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ทั้งภาวะเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยนโยบาย และภาวะสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่คลี่คลายอย่างชัดเจน
“ปี 2023 อาจไม่ใช่ปีที่ดีสำหรับการลงทุนในช่วงระยะแรก แต่ก็เป็นโอกาสของธุรกิจที่ต้องการเติบโตเช่นกัน เพราะ Valuation ที่ลดลงต่ำมาก บริษัทที่มีกลยุทธ์และการบริหารจัดการที่ดีก็จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ขึ้นอยู่กับว่ากลุ่มบริษัทไหนที่ยังสามารถคงรายได้ที่ดี มีผลประกอบการที่สม่ำเสมอ ก็จะได้รับโอกาสการลงทุนจาก Venture Capital มากขึ้นด้วยเช่นกัน”
นายพุฒิกานต์กล่าวต่อว่า ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ว่าจะเป็น Cryptocurrency Blockchain หรือ Crypto Start Up เทรนด์ในการลงทุนจะมีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกับกลุ่มบริษัทในตลาดทุน โดยก่อนหน้านี้ประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา หลายคนมักจะมองว่า ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลและตลาดทุนนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่ด้วยการ Adoption ในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมีความร้อนแรงตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาทำให้นักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น
ดังนั้น เมื่อตลาดทุนซึ่งเป็นตลาดหลักได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลจึงได้รับผลกระทบตามไปด้วย อีกทั้งในช่วงต้นปี 2022 เกิดปรากฏการณ์ที่กระทบต่อตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโดยตรงนั่นคือการล่มสลายของ Terra Chain ทำให้นักลงทุนจำนวนมากขาดทุนจากเหรียญ LUNA และ UST และในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาก็ได้เกิดเหตุการณ์ซ้ำร้ายอย่างการล่มสลายของ Exchange อันดับต้นๆ ของโลกอย่าง FTX ที่สร้างความเสียหายแก่นักลงทุนทั้งระดับสถาบันและรายย่อยหลายแสนราย ส่งให้มูลค่าตลาดหายไปกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเมื่อมองภาพรวมของตลาดในช่วงต้นปีที่ผ่านมาตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมี Market Cap อยู่ประมาณ 2 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ปัจจุบันลดลงมากว่าครึ่ง
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจประเภท DeFi (Decentralized Finance) ในช่วงต้นปี 2022 มี Total Value Lock อยู่ประมาณ 175,000 ล้านดอลลาร์ แต่ปัจจุบัน Total Value Lock ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญเหลือเพียง 55,000 ล้านดอลาร์เท่านั้น แสดงถึงการที่นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจในตลาดมากยิ่งขึ้น เป็นผลจากการล่มสลายของผู้ให้บริการรายใหญ่ 2 รายในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน และยังได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจเช่นเดียวกับตลาดทุน
ด้าน NFT เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากเช่นกัน โดยหากมองที่มูลค่าการซื้อขายเมื่อช่วงต้นปีอยู่ที่ประมาณ 17,000 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ 467 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
ดังนั้น การประเมินมูลค่าธุรกิจในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในปี 2023 จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ช่วงปีที่ผ่านมาจะเห็นว่า Venture Capital หลายรายให้ความสนใจและเข้าลงทุนกับธุรกิจ Trading เป็นจำนวนมากรวมถึงให้ความสำคัญกับ NFT และ GameFi จนเกิดเป็นตลาดค่อนข้างใหญ่ แต่ในปัจจุบันการลงทุนในกลุ่มธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลลดลงอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าปีหน้าจะยังมี Venture Capital รวมถึงนักลงทุนรายย่อยยังคงสนใจลงทุนในตลาดนี้อยู่ แต่จะใช้ความระมัดระวังในการประเมินมูลค่ากลุ่มบริษัทในตลาดนี้อย่างเข้มข้นมากขึ้น
นายพุฒิกานต์กล่าวต่อว่า สาเหตุที่มูลค่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลลดลงว่าเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น การขาดสภาพคล่องจนนำไปสู่การล่มสลายของผู้ให้บริการรายใหญ่ในตลาด หรือแม้กระทั่ง นักลงทุนหลายรายที่เข้ามาลงทุนยังขาดความรู้ความเข้าใจรวมถึงวินัยในการบริหารพอร์ตจนเกิดการขาดสภาพคล่องของพอร์ตอย่างรวดเร็ว
“ปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น ส่วนใหญ่มาจากการทำธุรกิจที่ไม่ได้มีความละเอียด รอบคอบเพียงพอในการบริหารจัดการธรรมาภิบาลในการทำธุรกิจ ทำให้เกิดความผิดพลาดหรือความรู้เท่าไม่ถึงการในการบริหารธุรกิจที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้ายสินทรัพย์ของลูกค้าไปเป็นสินทรัพย์อ้างอิงในกิจกรรมอื่นของบริษัท ไปจนถึงการลงทุนโดยปราศจากการประเมินความเสี่ยงที่เพียงพอ”
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ InnovestX มองเห็นแนวโน้มที่ชัดเจนว่าธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต่อจากนี้จะถูกกำกับดูแลมากยิ่งขึ้น เห็นได้จากการที่หน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศได้เข้ามาให้ความสำคัญและเริ่มควบคุมอย่างเข้มงวด ในฐานะที่ InnovestX เป็นองค์กรที่อยู่ภายใต้ SCBX ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย มองว่า เป็นเรื่องดีและสำคัญมาก เพราะการเข้ามากำกับดูแลที่เข้มงวด เหมาะสม จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นกลับไปสู่นักลงทุน และขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมเติบโตในระยะยาวได้
นายพุฒิกานต์กล่าวต่อว่า เมื่อตลาดได้รับความมั่นใจกลับมาจากนักลงทุนจะเกิดโอกาสเพิ่มขึ้นอีกมากในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งในด้านสถาบันการเงินที่จะลงมาเล่นในตลาดนี้เพิ่มขึ้น ได้เห็นการพัฒนาการระดมทุนผ่าน ICO Portal มากขึ้น เกิดนวัตกรรมใหม่ที่มีความรอบคอบ ปลอดภัยและโฟกัสในสิ่งที่ตอบโจทย์กับนักลงทุนอย่างแท้จริง ในทางกลับกันโปรเจ็กต์ที่สร้างมาเพื่อการเก็งกำไรระยะสั้นรวมไปถึงโปรเจ็กต์ Scam ก็จะค่อยๆ ลดน้อยลงไป
ในส่วนของนักลงทุนตอนนี้สิ่งสำคัญคือ ความรู้ความเข้าใจในการลงทุน ควรศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงสินทรัพย์ที่ต้องการจะลงทุน ไม่ควรมองแค่การเก็งกำไรระยะสั้นเพียงอย่างเดียว แต่ควรมองไปถึงสภาพคล่อง ความปลอดภัยของสินทรัพย์และผู้ให้บริการแต่ละรายว่าต้องมีความน่าเชื่อถือ โปร่งใส อยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างเคร่งครัด มีการบริหารความเสี่ยงและการจัดการธรรมาภิบาลที่ดีในองค์กรหรือไม่
นายพุฒิกานต์เสริมว่า วันนี้อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับนักลงทุน ในการศึกษาสินทรัพย์ที่ลงทุนอยู่หรือกำลังจะลงทุนโดยเฉพาะในคริปโทเคอร์เรนซี่แต่ละเหรียญว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ถูกใช้สำหรับอะไร เกี่ยวข้องกับธุรกิจแบบไหน เป็นไปตาม White Paper ที่ผู้พัฒนาแจ้งไว้หรือไม่ ไปจนถึงการนำไปใช้จริงในอนาคตว่ามี Used Case แบบไหนรองรับบ้าง
“InnovestX เชื่อว่าด้วยเทคโนโลยีและ Used Case ที่เกิดขึ้นจากตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลตลอดช่วงที่ผ่านมา เมื่อบวกกับการกำกับดูแลที่เข้มข้นมากขึ้น มีผู้เล่นที่อยู่ในระดับสถาบันการเงินมากขึ้น วันที่สินทรัพย์ดิจิทัลจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิต การดำเนินธุรกิจ เป็นแหล่งเงินทุน ไปจนถึงการใช้เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนในอนาคตนั้นเป็นไปได้ จึงอยากใช้โอกาสนี้สื่อสารไปถึงนักลงทุนที่สนใจในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลว่า เป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสูงในช่วงที่เป็นขาลงอาจทำให้สูญเงินต้นไปมากกว่าครึ่ง ควรพิจารณาการลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ บริหารพอร์ตด้วยความระมัดระวังจัดสรรปันส่วนพอร์ตให้อย่างรอบคอบ เพื่อให้ไม่พลาดโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์ที่ดีในจังหวะที่เหมาะสม”